วันเสาร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2557

การอนุรักษ์สัตว์ทะเล

 สัตว์ทะเลเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่จำเป็นและมีความสำคัญมากของมนุษย์
ให้ทั้งอาหาร สิ่งมีค่า และเครื่องใช้มากมายหลายอย่างแก่เรา คิดเป็นเงินหลายร้อย
ล้านบาท ดังนั้นเราจึงควรทำความรู้จักเพื่อถนอมใช้ทรัพยากรนี้อย่างฉลาดและติดตาม
รักษาให้คงมีอยู่ต่อไปชั่วลูกชั่วหลาน ไม่ทำสิ่งที่เป็นอันตรายร้ายแรง จนเป็นสาเหตุ
ให้สัตว์ทะเลต้องสูญพันธุ์หมดไป แต่ควรช่วยกันอนุรักษ์สัตว์ทะเลโดยไม่ทิ้งขยะเกลื่อนกลาดไว้ตามหาดทราย แต่ควรช่วยกันดูแลรักษาหาดทรายให้สะอาด เพราะขยะนั้นเมื่อสะสมกันอยู่มากขึ้น ก็จะไหลเลื่อนลงไปอยู่ในทะเล ทำให้น้ำเสีย ใช้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเลบางชนิดไม่ได้อีกต่อไป และทำให้สัตว์ทะเลที่เคยมีอยู่ในบริเวณนั้นต้องตายไปเป็นจำนวนมาก
การปล่อยน้ำเสียหรือน้ำทิ้งจากอาคารบ้านเรือน ร้านอาหาร หรือโรงแรมที่ตั้งอยู่ริมทะเลลงในทะเล เป็นสิ่งไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้เกิดผลเสียต่อสัตว์ทะเลดังเช่นที่กล่าวไว้ข้างต้นด้วยเช่นกัน
ไม่ทำลายป่าชายเลนให้หมดไป โดยการนำพื้นที่ป่ามาทำนากุ้งหรือทำอย่างอื่นจนหมดไป เพราะป่าชายเลนเป็นแหล่งธรรมชาติที่ให้ประโยชน์ทั้งแก่มนุษย์และสัตว์ทะเล โดย
ป่าชายเลนช่วยต้านพายุจากทะเลไว้มิให้ก่อให้เกิดอันตรายรุนแรงต่อชีวิต
และทรัพย์สินของคนบนแผ่นดินป่าชายเลนให้ไม้สำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิงและทำเครื่องเรือนเครื่องใช้
ป่าชายเลนเป็นแหล่งอาหารของสัตว์ทะเลนานาชนิดทั้งกุ้ง หอย ปู และปลาป่าชายเลนเป็นที่วางไข่และแหล่งที่อยู่ของตัวอ่อนของสัตว์ทะเล
1. ไม่ทำลายปะการังให้แตกหักเสียหาย เพราะแนวปะการังนั้นเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีคุณค่ามหาศาล เป็นแหล่งอาหาร ที่อยู่อาศัย และที่หลบภัยของบรรดาสัตว์ทะเลมากมายหลายชนิด จึงไม่ควรทำลายปะการัง
2. ไม่เก็บหรือหักชิ้นส่วนของปะการังขึ้นมาจากทะเลเพื่อไว้ดูเล่น
3. ไม่ใช้ระเบิดจับปลาอันเป็นการทำลายทั้งปลาและปะการังทุกชนิดให้หมดสิ้นไปในพริบตา
4. ไม่ทิ้งสมอเพื่อจอดเรือในแนวปะการังทำให้ปะการังหักเสียหาย
5.ไม่ก่อสร้างโรงแรมและที่พักติดทะเลทำให้น้ำเสียเป็นเหตุให้ปะการังตายแนวปะการังเป็นอาณาจักรอันงดงามใต้ทะเล ตัวปะการังน้อย ๆ ต้องใช้เวลานับพันปีกว่าจะช่วยกันสร้างแนวปะการังได้หนาเพียงไม่กี่เมตร
6. งดจับปลาทูในฤดูปลาวางไข่ คือ ในระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนพฤษภาคมของทุกปีเพื่อเปิดโอกาสให้ปลาทูได้มีโอกาสแพร่พันธุ์และเติบโตต่อไป
7. ไม่ฆ่าเต่าทะเล ไม่กินเนื้อเต่าทะเล ไม่เก็บไข่เต่า และไม่กินไข่เต่าทะเล เพื่ออนุรักษ์เต่าทะเลที่มีจำนวนลดน้อยลงไปมาก บางคนเข้าใจอย่างผิด ๆ ว่าไข่เต่าทะเล
มีคุณค่าทางอาหารมาก แท้จริงแล้วมิได้เป็นเช่นนั้น ไข่เป็ด ไข่ไก่ มีคุณค่าทางอาหาร
พอ ๆ กับไข่เต่าทะเล
8. ไม่เก็บรังนกนางแอ่นกินรัง มากเกินกว่าสองครั้งตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อปล่อย
ให้แม่นกพ่อนกมีโอกาสสร้างรังและวางไข่ จะได้ไม่สูญพันธุ์หมดไป รังนกนางแอ่น
ทำจากน้ำลายของนก ซึ่งไม่มีคุณค่าทางอาหารมากเกินกว่าเนื้อปลา
9. ไม่จับพะยูน ไม่ฆ่าพะยูนและไม่เกินเนื้อพะยูนซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลที่เหลืออยู่ในโลกเพียงเล็กน้อย แต่กินปลาแทน
วิธีการรักษาทะเล

1 หยุดเติมสารพิษลงสู่ท้องทะเล

มลภาวะทางทะเลมีหลายรูปแบบ ตั้งแต่น้ำมันหลายล้านแกลลอนที่รั่วไหลมาจากถนนหนทาง จนถึง
แพขยะใหญ่แปซิฟิก (Great Pacific Garbage Patch) แต่มลพิษที่เลวร้ายที่สุดคือ ก๊าซไนโตรเจน
และสารฟอสฟอรัสที่มาจากปุ๋ยและสิ่งปฏิกูล เมื่อก๊าซและสารเหล่านั้นถูกชะล้างไหลลงสู่ทะเลชายฝั่ง
สาหร่ายทะเลเมื่อได้รับก๊าซและสารเหล่านั้นก็จะเติบโตอย่างหนาแน่น เมื่อสาหร่ายตายและย่อยสลาย 
ก๊าซออกซิเจนในน้ำจะถูกดึงนำมาใช้ และทำให้สัตว์น้ำขาดออกซิเจนและตายไป ปรากฏการณ์นี้มี
ชื่อว่า “ปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสี” หรือ “Eutrophication” ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ก่อให้เกิดเขต
มรณะอย่างน้อย 450 แห่งทั่วโลก 
2. เพิ่มราคาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

เมื่อสองศตวรรษที่ผ่านมา คุณสมบัติทางเคมีของมหาสมุทรมีการเปลี่ยแปลงในหลายๆ ด้าน เช่น 
น้ำทะเลมีความเป็นกรดมากขึ้นถึงร้อยละ 30 ถึงแม้ว่าจะไม่มากพอที่จะเผาไหม้ผิวหนังของมนุษย์ 
(ซึ่งก็เป็นไปได้ในอีกไม่นานนี้) แต่น้ำทะเลก็มีความเป็นกรดมากพอที่จะกัดกร่อนกระดองหรือ
เปลือกแข็งของสัตว์ทะเลหลายๆ ชนิด ซึ่งส่งผลร้ายแรงแก่ระบบนิเวศน์ทางทะเลทั้งหมด 
3. ซ่อมแซมวัฏจักรของน้ำ

วัฏจักรของน้ำคือการหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงของน้ำ ซึ่งเริ่มต้นขึ้นจากการระเหยของน้ำทะเล (หรือแหล่งน้ำอื่นๆ) จากนั้นก็ตกลงมาเป็นฝน และระเหยกลับเป็นไออีกครั้ง เมื่อสภาวะอากาศของโลกมีอุณหภูมิที่สูงขึ้นวัฏจักรของน้ำก็มีความเข้มข้นมากขึ้น พื้นผิวของมหาสมุทรทั่วโลกมีเข้มข้นของเกลือมากขึ้น ทำให้การกำเนิดฝนขาดความสมดุล ไอระเหยของน้ำส่วนที่เพิ่มขึ้นมาจะกลายเป็นฝนและตกในพื้นที่ที่มีความชื้นมากพออยู่แล้ว เช่น พื้นที่ป่าเขตร้อน และแถบสแกนดิเนเวีย ส่งผลให้เกิดพายุที่รุนแรงขึ้นและน้ำท่วมถี่มากขึ้นในเขตดังกล่าว ในขณะเดียวกันบริเวณทางเหนือและทางใต้ของพื้นที่เขตร้อนซึ่งเป็นบริเวณที่ค่อนข้างมีความเข้มข้นของเกลือมากกว่าบริเวณอื่นๆ อยู่แล้ว จะมีความเข้มข้นของเกลือมากขึ้นๆ และมีอุณหภูมิสูงขึ้น พื้นที่ที่มีความเข้มข้นของเกลือมากๆ เช่น พื้นที่ทะเลทราย ซึ่งเป็นบริเวณที่สิ่งมีชีวิตไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ จะขยายบริเวณกว้างมากขึ้น
4. หยุดยั้งพันธุ์พืชและสัตว์ผู้บุกรุก 

ย้อนกลับไปเมื่อ 50 ปีที่แล้ว ถ้าคุณดึงเชือกที่แช่อยู่ในน้ำบริเวณท่าเรือชายฝั่งของแหลม Cape Cod คุณจะพบหอยแมลงภู่ เพรียง และสาหร่ายเกาะติดขึ้นมากับเชือกเป็นจำนวนมาก แต่ในวันนี้ คุณจะพบเพียงแค่เพรียงจำพวกไม่มีกระดูกสันหลัง หรือ  Tunicate เกาะอยู่รอบๆ เชือกเท่านั้น Tunicate เป็นสัตว์ทะเลชนิดหนึ่งที่กำลังบุกรุกไปยังท้องทะเลทั่วโลก สัตว์จำพวกนี้แพร่กระจายไปทั่วโลกโดยการติดไปกับเรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ นอกจาก Tunicate แล้ว พันธุ์พืชและสัตว์ผู้บุกรุกยังมี Lionfish ที่พบได้มากตามเขตตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศสหรัฐฯ และ Mangrove tree ในหมู่เกาะฮาวาย พันธุ์พืชและสัตว์จำพวกนี้กำลังก่อปัญหาให้กับพันธุ์พืชและสัตว์ท้องถิ่น ทั้งในด้านการแย่งชิงแหล่งอาหาร การรบกวนระบบการดำเนินชีวิตของสิ่งมีชีวิตในเขตนั้นๆ และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของสัตว์และพืชท้องถิ่น 
5. ปกป้องแนวปะการัง

ในช่วงเวลา 20 ปีที่ผ่านมา แนวปะการังจำนวนถึงหนึ่งในสามของปริมาณทั้งหมดทั่วโลกถูกทำลายไป ปะการังในเขตชายฝั่งของประเทศศรีลังกา ประเทศแทนซาเนีย ประเทศเคนยา สาธารณะรัฐมัลดีฟ และสาธารณะรัฐเซเชลส์ เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ถ้าหากมหาสมุทรมีอุณหภูมิที่สูงขึ้นอีก 7 องศาฟาเรนไฮต์ในอีก 3 ทศวรรษข้างหน้าตามที่นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ไว้ ร้อยละ 95 ของแนวปะการังจะหายไป สาเหตุหลักของการตายของปะการังคือปรากฎการณ์ปะการังฟอกขาว เมื่ออุณหภูมิของน้ำสูงขึ้นเชื้อแบคทีเรียในน้ำขยายพันธุ์อย่างรวดเร็วและทำลายสาหร่ายทะเลที่อาศัยและมีความสัมพันธ์แบบพึ่งพิงซึ่งกันและกันกับปะการัง โดยสาหร่ายทะเลจะเปลี่ยนแสงอาทิตย์ให้เป็นพลังงานซึ่งอยู่ในรูปของน้ำตาลให้กับปะการังซึ่งเป็นพืชผู้ให้อาศัย ดังนั้น เมื่อสาหร่ายตายไป ก็จะเหลือแต่ปะการังที่ขาวซีด
6. จับปลาอย่างฉานฉลาด
ในปีที่ผ่านมา ยอดการบริโภคปลาทั่วโลกอยู่ที่เฉลี่ย 37.5 ปอนด์ หรือ 16.98 กิโลกรัมต่อคน ต่อปี ในขณะที่ปริมาณของปลาคอดและปลาทูน่าครีบน้ำเงิน (Bluefin Tuna) มีปริมาณลดลง สัตว์จำนวนมากตั้งแต่ปลาวาฬจนถึงเต่าทะเล ถูกจัดให้เป็นสัตว์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ความต้องการในการบริโภคปลาของมนุษย์หาใช่ปัญหาไม่ แต่ปัญหาคือชาวประมงจับสัตว์น้ำชนิดอื่นๆ ขึ้นมาด้วยโดยที่ไม่ได้เจตนา (Bycatch) ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากการทำการประมงเพื่อการค้า สัตว์อื่นๆ ที่ถูกจับขึ้นมาด้วย เช่น ปะการัง ฟองน้ำ (สัตว์ทะเลชนิดหนึ่งที่ไม่มีกระดูกสันหลัง) ปลาดาว ฉลาม ปลาวาฬ เต่า หรือแม่กระทั่งนก การจับสัตว์อื่นๆ ติดมาด้วยเช่นนี้ ส่งผลให้สัตว์หลายๆ ชนิดใกล้ภาวะสูญพันธุ์ รายงานฉบับหนึ่งจาก United Nation รายงานว่ามีจำนวนสัตว์ที่ถูกจับขึ้นมาโดยไม่ได้เจตนามากถึง 7.5 ล้านตันต่อปี หรือเทียบได้กับร้อยละ 5 ของการจับปลาเพื่อการค้าทั้งหมด นอกจากนี้ การรายงานปริมาณ Bycatch เป็นรายงานที่ผู้ประกอบการจัดทำและส่งให้ทางการเอง ดังนั้น ตัวเลขที่ปรากฏอยู่ในรายงานหลายๆ ฉบับเป็นการรายงานที่ไม่ตรงกับความจริง เช่น การจับกุ้งที่อ่าวเม็กซิโก แท้จริงแล้วมีปริมาณ Bycatch มากถึง 5 ปอนด์ในการจับกุ้งทุกๆ 1 ปอนด์

ข่าวดีในขณะนี้ก็คือ มีการนำเอาเทคโนโลยีการจับปลาใหม่ๆ มาใช่เพื่อลดปริมาณของ Bycatch เช่น บริษัทที่จับกุ้งหลายๆ แห่งใช้เครื่องมือที่ชื่อว่า Turtle-Excluding Devices ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยป้องกันไม่ให้เต่าทะเลหลงเข้ามาในอวนสำหรับจับกุ้ง ที่ Florida Atlantic University รองศาสตราจารย์ Stephen Kajiura ได้พยายามปกป้องฉลามโดยการใส่ธาตุที่หายากบางชนิดไว้ในสายเชือกอวนที่ชาวประมงใช้จับปลาทูน่า เมื่อธาตุดังกล่าวทำปฏิกริยากับน้ำทะเลจะก่อให้เกิดวงกระแสแม่เหล็กขึ้นซึ่งช่วยขับไล่ปลาฉลาม รวมไปถึงปลากระเบนบางชนิด

วิธีแก้ไขปัญหาที่จะประสบความสำเร็จจะต้องเป็นวิธีที่มีต้นทุนต่ำและปฏิบัติได้ง่าย Jeffry Fasick รองศาสตราจารย์แห่ง Kean University กำลังทำการศึกษาเกี่ยวกับการปกป้องปลาวาฬในเขต North Atlantic โดยการใช้เชือกหลากสีที่ปลาวาฬสามารถมองเห็นและหลีกเลี่ยงได้ และยังมีการนำห่วงเหล็กที่มีความหนาน้อยลงมาใช้ในเครื่องมือจับปลา เพราะห่วงเหล็กที่มีขนาดเล็กลงจะไม่สามารถรับน้ำหนักของปลาขนาดใหญ่ เช่น ปลาฉลามหรือปลาวาฬได้ ในการทดสอบ NOAA พบว่าห่วงเหล็กที่มีความหนาน้อยลงสามารถช่วยลดปริมาณ Bycatch ของปลาทูน่าครีบน้ำเงินได้ถึงร้อยละ 56 ซึ่งเป็นปริมาณที่มากพอสมควร


ปลาหมึกสายพันธ์แปลก

ปลาหมึกมีปีก 
ปลาหมึกมีปีก (Grimpoteuthis) หรือที่เรียกกันในชื่อ Dumbo Octopus เป็นปลาหมึกที่มีขนาดเล็ก มีครีบด้านข้างลำตัวลักษณะคล้ายกับตัวการ์ตูนที่เป็นช้างน้อยของดิสนีย์ สามารถเก็บหนวดและกางหนวดออกได้ อาศัยอยู่ในทะลึกมากกว่า 3 กิโลเมตรขึ้นไป ซึ่งเป็นเรื่องยากมากที่ผู้คนทั่วไปจะได้พบเห็น (แหงละอยู่ซะลึกขนาดนี้)

ปลาหมึกแวมไพร์

ปลาหมึกแวมไพร์ (Cirrate Octopod)
ปลาหมึกแวมไพร์ เป็นสัตว์ที่มีอายุอยู่มานานกว่า 200 ล้านปีแล้ว โดยจัดอยู่ในวงศ์ Vampyroteuthidae และสกุล Vampyroteuthis ซึ่งมีเพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่ยังดำรงเผ่าพันธุ์มาจนถึงปัจจุบัน นับเป็นสายที่เชื่อมต่อระหว่างหมึกสายกับหมึกกล้วย ซึ่งหมึกแวมไพร์ จัดเป็นหมึกที่อยู่ในอันดับของตนเอง 
หมึกแวมไพร์ ได้ชื่อนี้มาจากรูปร่างหน้าตาที่แลดูน่ากลัว โดยมีพังผืดเชื่อมต่อกันระหว่างหนวดแต่ละเส้นทั้งหมด 8 เส้น เสมือนร่มหรือครีบ แลดูคล้ายเสื้อคลุมตัวใหญ่ ใช้สำหรับว่ายไปมาเหมือนการบินของนกหรือค้างคาว แต่หมึกแวมไพร์กลับเป็นสัตว์ที่ไม่มีอันตรายใด ๆ มีความยาวเต็มที่ประมาณ 28 เซนติเมตรเท่านั้น มีสีผิวน้ำตาลแดงปนดำ ด้านในของลำตัวเป็นสีดำสนิทและมีหนามแหลม ๆ เรียงตัวตามแนวของหนวด มีดวงตากลมโตสีแดงก่ำ หรือสีน้ำเงินปลาหมึกแวมไพร์เป็นปลาหมึกสปีซีส์ อินเฟอร์นาลิส (Vampyroteuthis infernalis ) ซึ่งหมายถึง "ปลาหมึกแวมไพร์จากนรก" อยู่ในจีนัสแวมไพร์ทูทีส (Vampyroteuthis) แฟมีลี แวมไพร์โรทูไทได (Vampyroteuthidae) คลาสเซฟาโลโพดา ไฟลัมมอสลัสกา ปลาหมึกชนิดนี้อาศัยอยู่ในระดับน้ำ ลึก 300-3,000 เมตร ลักษณะเด่นของมันคือ มีดวงตาสีน้ำเงิน ผิวหนังสีน้ำตาลแดง มีพังผืดเหมือนกระโปรงรอบๆ ขา และมีหูคล้ายครีบเหนือดวงตาเช่นเดียวกับปลาหมึกดัมโบ นอกจากนั้นมันยังมีอวัยวะผลิตแสงสีน้ำเงิน ซึ่งทำให้ศัตรูมองเห็นมันได้ยาก
                                ปลาหมึกมีขน
เป็นปลาหมึกขนาดเล็กที่มีขนาดไม่เกิน 1 นิ้ว เป็นปลาหมึกอีกสายพันธุ์หนึ่งที่หาดูได้ยากมาก ขนที่ิติดอยู่ตามตัวของมันนั้นเป็นขนแบบถาวร มีผู้คนเคยพบเห็นเจ้าปลาหมึกตัวนี้ที่เกาะแถวประเทศอินโดนีเซีย แต่ยังไม่มีการตั้งชื่ออย่างเป็นทางการ ฝรั่งก็เลยเรียกกันว่า Hairy Octopus
ปลาหมึกลูกหมู

ปลาหมึกจอมพลาง - Mimic Octopus
 
ปลาหมึกเป็นสัตว์ที่มีชื่อเสียงในเรื่องการพรางตัว โดยเฉพาะความสามารถในการเปลี่ยนสีของผิวหนังให้เข้ากับสภาพแวดล้อม แต่ปลาหมึก Thaumoctopus Mimicus หรือ Mimic Octopus ที่อาศัยอยู่ในทะเลเขตร้อน โดยเฉพาะในแถบหมู่เกาะของอินโดนีเซียและมาเลเซีย ได้ยกระดับการพรางตัวขึ้นไปอีกขั้น โดยการเปลี่ยนแปลงรูปร่างและพฤติกรรมของตัวเองให้คล้ายกับสัตว์ชนิดอื่น เป็นกลยุทธ์ที่สามารถหลอกสัตว์นักล่าให้งงงวยได้เป็นอย่างดี



ชนิดของปลาการ์ตูน

ชื่อไทย: ปลาการ์ตูน
ชื่อสามัญ: Anemonefish

ปลาการ์ตูนกับดอกไม้ทะเลเป็นเสมือนสิ่งที่ควบคู่กันปลาการ์ตูนและดอกไม้ทะเลเป็นส่วนหนึ่งในการเติม สีสรรให้กับท้องทะเลปลาการ์ตูนเป็นปลาที่มีเอกลักษณ์ของมันเองโดยทั่วไปจะประกอบด้วยสีส้ม แดง ดำ เหลือง และจะมีสีขาวพาดกลางลำตัว1-3 แถบ อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นชนิดเดียวกันมีสีแตกต่างกันเล็กน้อยเสมอซึ่งความ แตกต่างนี้ทำให้ มันจำคู่ของมันได้ นอกจากนั้น แหล่งที่อาศัยที่แตกต่างกันทำให้เกิดการแปรผันของสีได้

ปลาการ์ตูนส้มขาว (clown anemonefish, A. ocellaris)

  • ลำตัวมีสีส้มเข้ม มีแถบสีขาว 3 แถบ พาดบริเวณส่วนหัว ลำตัวและบริเวณหาง ขอบของแถบสีขาวเป็นสีดำ ขอบนอกของครีบเป็นสีขาวและขอบในเป็นสีดำ อาศัยในที่ลึก ตั้งแต่ 1-15 เมตร ขนาดตัวโตที่สุดประมาณ 10 เซนติเมตร อาศัยอยู่กับดอกไม้ทะเลชนิด Heteractis magnifica และ Stichodactyla gigantea เป็นต้น ในดอกไม้ทะเลแต่ละกออาจพบปลาการ์ตูนชนิดนี้อยู่ด้วยกัน 6-8 ตัว ปลาการ์ตูนส้มขาวพบได้บ่อยที่สุดในทะเลอันดามัน อ่าวไทยพบได้ที่เกาะโลซิน จังหวัดนราธิวาส อาศัยอยู่เป็นครอบครัวใหญ่


ปลาการ์ตูนลายปล้องหางเหลือง (sebae anemonefish, A. sebae)

  • ลำตัวมีสีดำ ส่วนหางมีสีเหลือง มีแถบขาว 2 แถบ แถบแรกพาดอยู่บริเวณหลังตา อีกแถบพาดผ่านท้องขึ้นมายังครีบหลังเป็นชนิดที่หายาก พบเฉพาะฝั่งอันดามันในที่ลึกตั้งแต่ 2-25 เมตร ขนาดโตที่สุดประมาณ 14 เซนติเมตร อยู่กับดอกไม้ทะเลชนิดที่ฝังทรายได้แก่ Stichodactyia haddoni มีสีน้ำตาลหนวดสั้นมักอยู่กันเป็นคู่กับลูกเล็ก ๆ 3-4 ตัว มีนิสัยดุร้ายกับปลาอื่นที่ไม่ใช่สมาชิกในครอบครัว


ปลาการ์ตูนลายปล้อง (clark's anemonefish, A. clarkii)

  • ลำตัวมีสีดำเข้ม ส่วนหน้าครีบอกและหางมีสีเหลืองทอง มีแถบขาว 3 แถบ ตรงส่วนหัว ลำตัว และโคนหาง ปลาชนิดนี้มีความผันแปรของสีสูง มีไม่ตำกว่า 8 รูปแบบ สีของลูกปลาวัยรุ่นก็ต่างจากปลาเต็มวัย พบทั้งอ่าวไทย และอันดามัน จัดเป็นปลาการ์ตูนใหญ่ที่สุดของเมืองไทยขนาดโตที่สุดประมาณ 15 เซนติเมตร อาศัยอยู่ร่วมกับดอกไม้ทะเลหลายชนิด บางครั้งเป็นชนิดที่พบตามพื้นทราย ปลาการ์ตูนลายปล้องมีการแพร่กระจายกว้างมากอาจอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม 3-4 ตัว โดยมีตัวเมีย ซึ่งมีขนาดโตที่สุด เป็นจ่าฝูง ตัวที่มีขนาดรองลงมาจะเป็นตัวผู้


ปลาการ์ตูนทอง (Premnas biaculeatus : Yellow - striped), ปลาการ์ตูนแดง (Premnas biaculeatus : white - striped)

  • ปลาการ์ตูนแก้มหนาม หรือการ์ตูนทอง หรือการ์ตูนแดง เป็นปลาชนิดเดียวกัน (species) ลำตัวมีสีส้มแดง เมื่ออายุมากขึ้นสีจะแดงมากขึ้นจนเป็นสีแดงเข้มอมดำ ลำตัวมีแถบสีขาวพาดขวางลำตัว 3 แถบ บริเวณหลังตา กลางลำตัว และโคนหาง ลักษณะเด่นของปลาชนิดนี้คือมีหนามแหลมบริเวณใต้ตา ขนาดโตเต็มที่ประมาณ 16 ซ.ม. พบได้ตามรอบนอกของแนวปะการัง และส่วนที่เป็นแนวปะการังลาดชัน มักอาศัยอยู่กับดอกไม้ทะเลชนิด Entacmaea quadricolor
    ในตลาดซื้อขายปลาสวยงามปลาชนิดนี้ถูกแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ตามลักษณะสี คือ
    1. ปลาการ์ตูนทอง ลักษณะคล้ายกับที่กล่าวมาแต่แถบสีขาวที่พาดขวางลำตัวเป็นสีขาวอมเหลืองทอง และสีแดงบริเวณลำตัวจะเข้มกว่าปลาการ์ตูนแดง ปลาการ์ตูนทองเป็นปลาที่มีราคาแพงเป็นลำดับต้น ๆ ในกลุ่มปลาการ์ตูน
    2. ปลาการ์ตูนแดง คล้ายกับปลาการ์ตูนทองแต่แถบที่สีขาวที่พาดขวางลำตัวจะเป็นสีขาว ปลาการ์ตูนแดงจะซื้อขายกันในราคาที่ถูกกว่าปลาการ์ตูนทองประมาณ 1 เท่าตัว


ปลาการ์ตูนอานม้า (saddleback anemonefish, A. polymnus)

  • ลำตัวมีสีน้ำตาลอมดำ มีแถบขาว 2 แถบ แถบแรกอยู่ที่หลังตา อีกแถบเริ่มบริเวณกลางลำตัวเป็นแถบโค้งพาดเฉียงขึ้นไปที่ครีบหลัง ลักษณะคล้ายอานม้า พบในที่ลึก ตั้งแต่ 2-30 เมตร ขนาดโตที่สุดประมาณ 12 เซนติเมตร อยู่กับดอกไม้ทะเลชนิดที่ฝังตัวอยู่ตามพื้นทราย คือ Heteractis crispa และ Stichodactyla haddoni พบเฉพาะในอ่าวไทย


ปลาการ์ตูนมะเขือเทศ (tomato anemonefish, A. frenatus)

  • ปลาเต็มวัยลำตัวมีสีดำอมแดง ครีบทุกครีบมีสีแดง มีแถบสีขาว 1 แถบ พาดขวางบริเวณหลังตา ปลาการ์ตูนปลาขนาดเล็กจะมีลำตัวและครีบเป็นสีแดง มีแถบขาวพาดขวางลำตัว 3 แถบ บริเวณหลังตา ตอนกลางของลำตัว และโคนหาง ในปลาวัยรุ่นแถบสีขาวที่โคนหางจะหายไปขนาดโตเต็มวัยประมาณ 12 เซนติเมตร อาศัยอยู่ตามลากูน หรือรอบนอกของแนวปะการัง มักอาศัยอยู่กับดอกไม้ทะเลชนิด Entacmaea quadricolor เคยมีรายงานว่าพบได้ในประเทศไทย (Allen, 2000) แต่ปัจจุบันไม่มีใครพบอีก (ธรณ์,2544) ปลาที่ซื้อขายในตลาดประเทศไทยเป็นปลาที่นำเข้ามาจากประเทศอินโดนีเซีย


ปลาการ์ตูนดำแดง (red saddleback anemonefish, A. frenatus, Brevoort, 1856)

  • ปลาเต็มวัยลำตัวมีสีส้มแดงและมีปื้นสีดำขนาดใหญ่บริเวณหลัง ส่วนปลาวัยรุ่นจะยังไม่มีปื้นสีดำ และจะมีแถบสีขาวพาดขวางลำตัวบริเวณหลังตา ขนาดโตเต็มที่ประมาณ 12 เซนติเมตร อาศัยตามแนวปะการังชายฝั่งที่เป็นพื้นทราย หรือตามส่วนลาดชันของแนวปะการัง มักอาศัยอยู่กับดอกไม้ทะเลชนิด Entacmaea quadricolor หรือ Heteractis crispa พบทางฝั่งทะเลอันดามัน


ปลาการ์ตูนอินเดียน (yellow skunk anemonefish, A. akallopisos)

  • ลำตัวมีสีเนื้ออมเหลืองทองอมชมพู มีแถบขาวเล็ก ๆ พาดผ่านบริเวณหลังตั้งแต่ปลายจมูกจนจรดครีบหาง อาศัยในที่ลึกตั้งแต่ 3-25 เมตรขนาด โตที่สุดประมาณ 10-11 เซนติเมตร อาศัยอยู่กับดอกไม้ทะเลชนิด Heteractis magnifica และ Stichodactyla mertensii อยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่คล้ายปลาการ์ตูนส้มขาว พบได้บ่อยทางฝั่งอันดามัน ส่วนอ่าวไทยพบที่เกาะโลซิน


ปลาการ์ตูนอินเดียนแดง (Pink skunk Anemonefish Amphiprion perideraion)

  • ลำตัวมีสีเนื้ออมเหลืองทองอมชมพู มีแถบขาวพาดอยู่บริเวณหลังตา อาศัยในที่ลึกตั้งแต่ 3-25 เมตรขนาด โตที่สุดประมาณ 10-11 เซนติเมตร อาศัยอยู่กับดอกไม้ทะเลชนิด Heteractis magnifica และ Stichodactyla mertensii อยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่ พบเห็นได้ตามแนวปะการังทางฝั่งอ่าวไทย


ปลาการ์ตูนดำ (Black Color Amphiprion ocellaris)

  • สายพันธุ์ปลาการ์ตูนดำนี้ไม่มีในบ้านเรา แต่มีการนำเข้าจากต่างประเทศ และมีการเพาะเลี้ยงได้สำเร็จแล้วในเมืองไทยโดยนักเพาะพันธุ์หลาย ๆ ท่าน เพราะเทคนิคการเพาะพันธุ์ก็ไม่แตกต่างอะไรกับปลาการ์ตุนชนิดอื่น ๆ
    สรุปก็คือว่า ปลาการ์ตูนส้มขาวกับปลาการ์ตูนดำเป็นปลาชนิดเดียวกัน แต่เป็นคนละสายพันธุ์ คล้าย ๆ กับคนผิวขาวกับคนผิวดำ แต่ก็คนเหมือนกัน


ปลาการ์ตูนเพอร์คูลา (Percula anemonefish Amphiprion percula)

  • มีลักษณะคล้ายปลาการ์ตูนส้มขาวอย่างมาก ลำตัวสีส้มแต่จะเข้มจัดกว่าปลาการ์ตูนส้มขาว และมีแถบสีขาวพาดผ่านลำตัว 3 แถบ บริเวณหลังตา กลางลำตัว และคอดหาง ระหว่างแถบสีขาวกับสีส้มพื้นลำตัวจะมีสีดำคั่นกว้างกว่าที่พบในปลาการ์ตูนส้มขาว


รวมร้านอาหารทะเลริมทะเล

ร้านบ้านพลอยเสม็ด

คำบรรยาย :
บ้านพลอยเสม็ด เป็นรีสอร์ทกลางน้ำบนเกาะเสม็ด พักผ่อนในบรรยากาศเงียบสงบเป็นส่วนตัว มีร้านอาหารทะเลสดใหม่จากกระชังปลาส่วนตัว มีร้านพลอยบาร์ วงดนตรีสด บรรยากาศ ความสนุกสนาน ในพลอยบาร์ ท่านจะไม่พลาดฟุตบอลคู่สำคัญ เมื่ออยู่ในพลอยบาร์

ข้อมูลติดต่อ :
เกาะเสม็ด อ่าวน้อยหน่า 82 หมู่ 4 ตำบลเพ
เมืองระยอง, ระยอง 21000

ร้านสโมสรหาดน้ำหนาว



คำบรรยาย

บ้านพักสโมสรหาดน้ำหนาว เงียบสงบติดไอทะเล เหมาะสำหรับการมาพักผ่อนแบบส่วนตัว เพราะบ้านพักสโมสรหาดน้ำหนาวตั้งอยู่ในค่ายทหารที่ผู้คนไม่พลุกพล่านมากนัก.......

ร้านสลักเพชร


คำบรรยาย

ร้านสลักเพชรซีฟู้ด เป็นอีกร้านดังร้านหนึ่งในเกาะช้าง จังหวัดตราด นอกจากจะมีอาหารอร่อยสดไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวแล้ว ที่นี่ยังมีที่พักสวยๆ ติดทะเลด้วยค่ะ แถมราคาไม่แพงด้วยล่ะ อารมณ์เหมือนเดินไปเดินมาบนกะชังปลางั้นล่ะ ร้านนี้อาหารเค้ารับประกันความสดแน่นอน เพราะเค้ามีกะชังปลาเป็นของร้านเองเลยล่ะ

ร้านThe Moon Terrace ระเบียงจันทร์


 

คำบรรยาย
ระเบียงจันทร์ ร้านอร่อย บรรยากาศโรแมนติค ... ริมทะเลหัวหิน
มาแนะนำร้านอาหาร บรรยากาศดีๆ ที่หัวหินกัน... "ระเบียงจันทร์"(Moon Terrace) ร้านอาหารติดทะเล ตั้งอยู่ ถ.นเรศดำริห์ ใกล้ๆ กับ โรงแรมฮิลตัน .....
ร้านนี้ แม้จะแคบ แต่บรรยากาศไม่แพ้ร้านอื่นๆ ในละแวกใกล้เคียง ... แนะนำให้มาช่วงเย็นๆ พลบค่ำ ชมพระจันทร์ ฟังเสียงคลื่น ... เรียกว่าเพลินจนไม่อยากลุกไปไหน .... 

ร้านน้องใหม่หาดทรายรี



ข้อมูลติดต่อ
38/1 หมู่หมู่ 7 อาคาร ติดชายหาด น้องใหม่ทรายรีสอร์ท ถนนเลียบชายหาด ตำบลหาดทรายรี อำเภอเมืองชุมพร ชุมพร....

คำบรรยาย
เป็นร้านที่สบายๆ อยู่ริมชาดหาดร้านนี้เป็นร้านเอาแค่กินลมชมบรรยากาศของร้านนี้ก็อิ่มแล้ว

ร้านทับทิม แหลมเหลว



คำบรรยาย
ร้านทับทิมทอง อยู่ในตำบลแหลมเหลวมีพื้นที่ติดกับชายหาด หากใครเคยดูสารคดีจะทราบว่าที่นี่เป็นแหล่งเก็บหอยแครงที่ใหญ่มากเลยเหอะ  พื่นน้ำที่มองเห็นสุดลูกหูลูกตาเนี่ย เค้ามีทั้งชาวบ้านและนายทุนมาหาหอยแครงจากแหล่งนี้แหละ

ร้านสุดทางรัก หาดจอมเทียน


คำบรรยาย

สำหรับรายการอาหารร้านนี้ ค่อนข้างสูงกว่าร้านอื่นในหาดจอมเทียนเลยทีเดียว  อาจเป็นเพราะทางร้านจัดวางตนเองไว้ในระดับพรีเมี่ยม ดูดี ดูสวยหรูกว่าร้านอาหารทะเลในละแวกเดียวกัน  ในส่วนของรสชาติอาหารก็ทำได้ค่อนข้างดี  ใช้ของสด คุณภาพดี ปริมาณอาหารเยอะ มาดูเมนูอาหารกัน

































การอนุรักษ์แนวปะการัง

ปะการัง
โครงการอนุรักษ์ปะการัง ซึ่งถือได้ว่าเป็นผืนป่าแห่งท้องทะเลที่เป็นระบบนิเวศน์พื้นฐานที่สำคัญยิ่ง สำหรับสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล ดังนั้นจังหวัดตรังจึงได้ทำการประชาสัมพันธ์แนวทางคุ้มครองปะการัง ให้กับประชาชนผู้อาศัยอยู่กับท้องน้ำทะเลกว้าง ตลอดจนนักท่องเที่ยว ให้ตระหนักถึงคุณค่าของปะการังและกลวิธีจะปกปักรักษาให้แนวปะการังเติบโต
การอนุรักษ์ปะการัง
ปะการังเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่เปราะบาง และต้องใช้เวลายาวนานในการเติบโตที่เรียกว่า แนวปะการัง เป็นโครงสร้างหินปูน (โพลิป) ซึ่งเปรียบเสมือนกำแพงธรรมชาติ บรรเทาคลื่นลมกระแสน้ำ โครงสร้างปะการังถูกกัดกร่อนด้วยกระแสคลื่นพัดเข้าสู่ฝั่ง เป็นเม็ดทรายที่ขาวสะอาดให้กับชายหาด ในปริมาณ 1 ตัน/ไร่ 1 ปี นอกจากนี้บริเวณดังกล่าวยังเป็นที่อาศัยของสัตว์ทะเลนานชนิดดังนั้นการ อนุรักษ์ปะการัง เพื่อธำรงรักษาสภาพแวดล้อม โดยความร่วมมือร่วมใจของประชาชน ภาครัฐบาล เอกชนและองค์การต่าง ๆ ดังนี้
1. สงวนคุ้มครองแนวปะการังที่ยังไม่ถูกทำลาย โดยประกาศเขตคุ้มครอง
2. ส่งเสริมความรู้ความเข้าใจให้มีความตระหนักถึงคุณประโยชน์ปะการัง
3. มาตรการการจัดการที่เหมาะสม เช่นการออกกฎหมายเพิ่มโทษแก่ผู้ทำลายปะการัง การจัดฝึกอบรมและสัมมนาการจัดแทรกหลักสูตรการศึกษา
4. การติดตั้งทุ่นผูกเรือ เพื่อมิให้มีการทอดสมอเรือในแนวปะการัง
5. ลดการใช้ประโยชน์แนวปะการังให้น้อยที่สุดเช่น การจับสัตว์น้ำเศรษฐกิจ ปลาสวยงาม การเก็บปะการัง การยืนและเดินบนปะการังของนักดำน้ำ ฯลฯ
6. รักษาสมดุลและระบบนิเวศน์ชายฝั่งทะเลให้เอื้ออำนวยต่อการอาศัยและเติบโตแพร่พันธุ์ของปะการัง
7. สร้างความตระหนักและจิตสำนึกให้เห็นความสำคัญ คุณค่าและคุณประโยชน์ปะการังที่มีต่อมวลมนุษย์ โดยงดการทิ้งของเสียและสิ่งปฏิกูลลงสู่ทะเลโดยตรง
8. กระตุ้นการประสานความร่วมมือของทุกคนทุกฝ่ายอย่างใกล้ชิดเพื่อฟื้นฟูและรักษาแนวปะการัง ให้มีความงดงามตามธรรมชาติ
จะเห็นได้ว่า ปะการังมีคุณประโยชน์แก่มนุษย์พืชและสัตว์ทะเลอย่างมหาศาล ก่อให้เกิดสีสัน ความสวยงามซึ่งธรรมชาติสร้างสรรค์ใหอย่างวิจิตรงดงามเป็นแหล่งที่ให้ความ เพลิดเพลิน และเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์น้ำทะเลที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจนานาชนิดนับเป็น แหล่งธรรมชาติที่ทุก ๆ คนจักต้องตระหนักถึงความสำคัญ และให้ความร่วมมือร่วมใจกันอย่างจริงจัง เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเหล่านี้ ให้เป็นชลสมบัติ ที่สามารถให้ผลผลิตที่ยั่งยืนต่อเนื่องตลอดไป

มาตราการอนุรักษ์

กรมประมงได้กำหนดมาตราการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำดังต่อไปนี้
•ผู้ฝ่าฝืน ทำการประมงปะการัง หรือหินปะการังทุกชนิด ทุกขนาดไม่ว่าวิธีใด ๆ ในทะเล หรืออ่าวในท้องที่จังหวัดชายทะเลทุกจังหวัด มีความผิดต้องโทษปรับตั้งแต่ 5,000-10,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งปรับทั้งจำ
•ผู้ฝ่าฝืน ทำการประมงดำน้ำโดยใช้อวนล้อมทุกชนิดทุกขนาด หรือลักษณะคล้ายกัน โดยวางบนพื้นทะเลแล้วดำน้ำ เดินเหยียบย่ำบนแนวปะการัง เพื่อไล่ต้อนปลาเข้าอวน มีความผิดต้องโทษปรับตั้งแต่ 5,000-10,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งปรับทั้งจำ
•ผู้ฝ่าฝืน ทำการประมงโดยใช้กระแสไฟฟ้า วัตถุระเบิด สารเคมี ยาเบื่อเมามีความผิดต้องโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน - 5 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000-100,000 บาท และริบของกลางทั้งสิ้น
•ผู้ฝ่าฝืน ส่งปะการัง ซากส่วนหนึ่งส่วนใด ผลิตภัณฑ์จากปะการังและปลาสวนงามออกนอกประเทศ มีความผิดต้องโทษปรับเป็นเงิน 5 เท่าของสินค้า จำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือทั้งปรับทั้งจำและริบของกลางรวมทั้งสิ่งที่บรรจุและพาหนะใดๆ ที่ใช้ในการบรรทุกสินค้าซึ่งเกี่ยวเนื่องด้วยความผิด
•ผู้ฝ่าฝืน มีหินปะการัง กัลปังหา เต่าทะเล กระและผลิตภัณฑ์ไว้ในครอบครองเพื่อการค้า มีความผิดต้องโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งปรับทั้งจำ
•ผู้ฝ่าฝืน ทำการประมงใจเขตรักษาพืชพันธ์ มีความผิดต้องโทษปรับ 10,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือทั้งปรับทั้งจำ


วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2557

travel

การเดินทาง

การเดินทางอ่าวมาหยา   จังหวัดกระบี่

ให้เช็คจากการเดินทางไปเกาะพีพี

1. ท่องเที่ยวแบบเช้าเย็นกลับ
นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวเกาะพีพีแบบไปเช้าเย็นกลับจากบริษัททัวร์ที่ให้บริการได้ทั้ง จากจังหวัด กระบี่ท่าเรืออ่าวนาง และภูเก็ต บริเวณอ่าวฉลอง โดยเรือเร็ว จากบริษัททัวร์ที่คอยให้บริการมากมายซึ่งมี โปรแกรมทัวร์ใ้ห้เลือกหลากหลายแล้วแต่ความชอบ โปรแกรมท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยม คือ เริ่มจาก เกาะพีีพีเล ได้แก่ อ่าวมาหยา อ่าวปิเละ อ่าวโละซะมะ และไปแวะรับประทานอาหารกลางวันที่เกาะพีพีดอน หลักจากนั้นก็เริ่ม ท่องเที่ยวไปยังจุดต่างๆ ก็เกาะพี่พีดอน ได้แก่ อ่าวต้นไทร อ่าวโละดาลัมและจุดชมวิวเกาะพีพีดอน

2. ท่องเที่ยวแบบค้างคืน
จากท่าเรือเจ้าฟ้าในตัวเมืองกระบี่ มีเรือโดยสารออกจากกระบี่ไปเกาะพีพี วันละ2 เที่ยว เวลา 10.00 น. และ 14.30 น. และจากเกาะพีพีกลับกระบี่ เรือออกเวลา 09.00 น. และ 13.00 น. ค่าโดยสารคนละ 150 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง เมื่อมาถึงเกาะพีพี นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือหางยาวไปท่องเที่ยวตามจุดต่างๆ ของเกาะพีพี บริเวณอ่าวต้นไทร เกาะพีพีดอน มีเรือหางยาวให้เช่าไปเที่ยวตามชายหาดต่างรวมถึงเกาะพีพีเล

การเดินทางหาดพระนาง   จังหวัดกระบี่
ท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่ (รหัส KBV) อยู่ห่างจากอ่าวนางประมาณ 34 กิโลเมตร ค่าโดยสารรถจากท่าอากาศยานไปยังนพรัตน์ธาราเพียง 150 บาท หรือคุณอาจจะใช้บริการรถแท๊กซี่ ค่าบริการ 600 บาท โรงแรมส่วนใหญ่จะมีบริการรับส่งแขกที่จะมาพักในโรงแรมจากท่าอากาศยานด้วย ซึ่งคุณสามารถจองบริการรถรับส่งพร้อมกับจองที่พักได้เลย

เครื่องบินของการบินไทย จะบินออกจากกรุงเทพไปยังกระบี่
เครื่องบินของบางกอกแอร์เวย์ จะบินจากกรุงเทพและเกาะสมุย (เฉพาะช่วงเทศกาล) ไปยังกระบี่
เครื่องบินของแอร์เอเชีย จะบินจากกรุงเทพและกัวลาลัมเปอไปยังกระบี่
เครื่องบินของเจตแอร์เวย์ จะบินจากสิงคโปร์ไปยังกระบี่

การเดินทางอ่าวประมง
            อ่าวปรระมงอยู่ทางใต้ของเกาะอาดัง 2 กิโลเมตร มีชุมชนชาวเลอาศัยอยู่หลายครัวเรือน ส่วนใหญ่มีอาชีพทำการประมง ในวันขึ้น 13-15 ค่ำ เดือน 6 และเดือน 12 ตลอด 3 วัน 3 คืน ชาวบ้านทีมีเชื้อสายชาวเลจะร่วมกันจัดงานรื่นเริง และที่สำคัญที่สุดคือ ชาวบ้านจะช่วยกันต่อเรือด้วยไม้ระกำ และประกอบพิธีลอยเรือด้วยเป็นความเชื่อว่าเป็นการเสี่ยงทายโชคชะตาในการประกอบอาชีพประมง

การเดินทางหาดป่าตอง
                 หาดป่าตองอยู่ห่างจากตัวเมืองภูเก็ต 15 กิโลเมตร ตามเส้นทางถนนวิชิตสงครามหรือทางหลวง 4020 ประมาณ 9 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวง 4029 (จะมีป้ายบอกว่าไปหาดป่าตอง) อีก 6 กิโลเมตรซึ่งเป็นถนนที่ค่อนข้างคดเคี้ยวและมีความลาดชันสูง

การเดินทางหัวหิน จังหวัดประจวคีรีขันธ์
รถยนต์ มีรถโดยสารจากกรุงเทพฯ มายังอำเภอหัวหิน ดังนี้
• รถโดยสารปรับอากาศ ชั้น 1 ของบริษัท หัวหินปราณฯ ทัวร์ รถออกทุก 45 นาที
• รถโดยสารปรับอากาศ ชั้น 2 ของบริษัท ขนส่ง จำกัด ( บ.ข.ส.) และรถร่วม บ.ข.ส.
รถไฟ มีขบวนรถไฟที่แล่นมายังสถานีรถไฟหัวหิน ซึ่งอยู่ในเขตเทศบาล เช่น
• ขบวนรถไฟกรุงเทพฯ - สุไหงโกลก ( รถเร็ว )
• ขบวนรถดีเซลรางธนบุรี - หลังสวน ( รถธรรมดา )
• ขบวนรถด่วนพิเศษกรุงเทพฯ - ยะลา ( รถด่วนสปริ๊นเตอร์ )
เครื่องบิน มีเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ – หัวหิน จำนวน 21 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ใช้เวลาประมาณ 45 นาที
การเดินทางเกาะนางยวน
 
เกาะเต่าเป็นเกาะเล็กๆ ตั้งอยู่กลางอ่าวไทย อยู่ห่างจากชายฝั่งของจังหวัดชุมพรประมาณ 74 กิโลเมตร ห่างจากชายฝั่งของจังหวัดสุราษฎร์ธานีประมาณ 110 กิโลเมตร ห่างจากเกาะสมุยประมาณ 64 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากเกาะพะงันประมาณ 45 กิโลเมตร การเดินทางสู่เกาะเต่า นักท่องเที่ยวสามารถซื้อแพ็กเกจตั๋วรถและเรือได้จากบริษัททัวร์เอกชนหลายแห่ง ซึ่งเป็นวิธีที่สะดวกสบายและรวดเร็วที่สุด เนื่องจากรถทัวร์จะออกจากกรุงเทพฯ ไปจอดที่ท่าเรือและสามารถต่อเรือไปยังเกาะได้เลย สำหรับผู้ที่ต้องการขับรถส่วนตัวไปเอง หรือต้องการเดินทางไปด้วยตัวเองโดยไม่ซื้อแพ็กเกจทัวร์ สามารถขึ้นเรือไปเกาะเต่าได้ทั้งจากจังหวัดชุมพร จังหวัดสุราษฎร์ธานีและเกาะสมุย นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยังจังหวัดชุมพรและจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้หลายวิธีทั้งทางรถยนต์ส่วนตัว รถประจำทาง รถไฟและเครื่องบิน
1 โดยเรือการเดินทางไปเกาะเต่าต้องเดินทางโดยเรือเท่านั้น นักท่องเที่ยวสามารถเลือกที่จะขึ้นเรือไปเกาะเต่าได้ทั้งที่จังหวัดชุมพรและจังหวัดสุราษฎร์ธานี การเดินทางไปยังจังหวัดชุมพรและจังหวัดสุราษฎร์ธานีนั้นสามารถเดินทางได้หลายวิธีทั้งทางรถยนต์ส่วนตัว รถประจำทาง รถไฟและเครื่องบิน โดยเรือจะไปจอดที่ท่าเรือแม่หาดเกาะเต่า

1. จากจังหวัดชุมพร
สามารถลงเรือไปเกาะเต่าได้ที่ท่าเรือหลายแห่งของจังหวัดชุมพร มีบริการเรือไปเกาะเต่าดังนี้
ท่าเรือท่ายาง
  • ชุมพร – เกาะเต่า (เรือนอน) เรือออกเวลา 24:00 น. ใช้เวลาเดินทาง 6 ชั่วโมง
  • ชุมพร – เกาะเต่า (เรือด่วน) เรือออกเวลา 07:00 น.ใช้เวลาเดินทาง 2.30 ชั่วโมง
  • ชุมพร – เกาะเต่า (เรือสปีดโบ๊ท) เรือออกเวลา 07:30 น. ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง

ท่าเรือเร็วลมพระยา
  • ชุมพร – เกาะเต่า (เรือ 250 ที่นั่ง) เรือออกเวลา 07:00 น. ใช้เวลาเดินทาง 1.45 ชั่วโมง

ท่าเรือซีทราน
  • ชุมพร – เกาะเต่า (เรือด่วน 150 ที่นั่ง และ 275 ที่นั่ง) เรือออกเวลา 07:00 น. ใช้เวลาเดินทาง 1.45 ชั่วโมง


2. จากจังหวัดสุราษฎร์ธานี
สามารถลงเรือไปเกาะเต่าได้ที่ท่าเรือหลายแห่งของจังหวัดสุราษฎร์ธานีมีบริการเรือไปเกาะเต่าดังนี้
ท่าเรือเร็วลมพระยา
  • เกาะสมุย – เกาะเต่า เรือออกเวลา 8:00 น. ใช้เวลาเดินทาง 1.45 ชั่วโมง
  • เกาะพงัน – เกาะเต่า เรือออกเวลา 8.30 น. ใช้เวลาเดินทาง 1.15 ชั่วโมง

ท่าเรือซีทราน
  • เกาะสมุย – เกาะเต่า เรือออกเวลา 08:00 น. และ 13:30 น. ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง
  • เกาะพงัน – เกาะเต่า เรือออกเวลา 08:30 น. และ 14:00 น. ใช้เวลาเดินทาง 1.30 ชั่วโมง

ท่าเรือเทศบาล
  • สุราษฎร์ธานี – เกาะเต่า (เรือนอน) เรือออกเวลา 20:00 น. ใช้เวลาเดินทาง 12 ชั่วโมง



2 โดยรถประจำทาง

โดยรถประจำทาง
แพ็คเก็จตั๋วรถประจำทางและเรือ
การเดินทางไปเกาะเต่า นักท่องเที่ยวสามารถซื้อแพ็คเกจตั๋วรถประจำทางและเรือได้จากบริษัททัวร์เอกชนหลายแห่ง ซึ่งเป็นวิธีที่สะดวกสบายและรวดเร็วที่สุด เนื่องจากรถประจำทางจะออกจากกรุงเทพฯ ไปจอดที่ท่าเรื่อและสามารถต่อเรือไปยังเกาะได้เลย

รถประจำทาง
มีรถโดยสารปรับอากาศของบริษัทขนส่งจำกัดและของเอกชน สายกรุงเทพฯ – ชุมพร, กรุงเทพฯ – สุราษฎร์ธานี, กรุงเทพฯ – เกาะสมุย และกรุงเทพฯ – เกาะพะงัน ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ ถนนบรมราชชนนี ทุกวัน วันละหลายเที่ยว

ข้อมูลเพิ่มเติม
สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ กรุงเทพมหานครโทร. 0 2435 1199
สถานีขนส่งจังหวัดชุมพรโทร. 0 7757 6803
สถานีขนส่งจังหวัดสุราษฏร์ธานีโทร. 0 7720 0032


3 โดยเครื่องบิน

โดยเครื่องบิน
  1. เที่ยวบินภายในประเทศบินตรงจากกรุงเทพฯ ไปยังจังหวัดชุมพร
  2. เที่ยวบินภายในประเทศบินตรงจากกรุงเทพฯ ไปยังเกาะสมุย
  3. เที่ยวบินภายในประเทศบินตรงจากกรุงเทพฯ ไปยังจังหวัดสุราษฎร์ธานี

เที่ยวบินภายในประเทศบินตรงจากกรุงเทพไปยังจังหวัดชุมพร
สายการบินนกแอร์เพิ่มเส้นทางบินภายในประเทศให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้นด้วยเที่ยวบินใหม่กรุงเทพฯ (ดอนเมือง) – ชุมพร ทุกวัน วันละ 1 เที่ยวบิน จากจังหวัดชุมพรสามารถลงเรือไปเกาะเต่าได้ที่ท่าเรือหลายแห่งของจังหวัดชุมพร ตารางเวลาเครื่องบิน

เที่ยวบินภายในประเทศบินตรงจากกรุงเทพไปยังเกาะสมุย
การบินไทยและบางกอกแอร์เวย์ มีเที่ยวบินไป – กลับ ระหว่างกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) – เกาะสมุยทุกวัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง จากเกาะสมุยสามารถลงเรือไปเกาะเต่าได้ที่ท่าเรือหลายแห่งของเกาะสมุย ตารางเวลาเครื่องบิน

เที่ยวบินภายในประเทศบินตรงจากกรุงเทพไปยังจังหวัดสุราษฎร์ธานี
การบินไทยและไทยแอร์เอเชียมีเที่ยวบินไป – กลับ ระหว่างกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) – สุราษฎร์ธานี ทุกวัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง จากจังหวัดสุราษฎร์ธานีสามารถลงเรือไปเกาะเต่าได้ที่ท่าเรือหลายแห่งของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตารางเวลาเครื่องบิน

เที่ยวบินตรงไป-กลับจังหวัดชุมพรเที่ยวบินตรงไป-กลับเกาะสมุยเที่ยวบินตรงไป-กลับสุราษฎร์ธานี
1.) นกแอร์1.) บางกอกแอร์เวย์1.) แอร์เอเชีย
2.) โซล่าแอร์2.) การบินไทย2.) นกแอร์


การเดินทางหาดทรายรี
จังหวัดชุมพร




ถยนต์
จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางพุทธมณฑล นครปฐม-เพชรบุรี หรือ เส้นทางสาย ธนบุรี-ปากท่อ (หมายเลข 35) แล้วแยกที่อำเภอปากท่อ เข้าทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ผ่านจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ จนถึงสี่แยกปฐมพร จากนั้นแยกซ้ายเข้าตัวเมืองชุมพร ตามทางหลวงหมายเลข 4001 อีกประมาณ 8 กม. รวมระยะทางประมาณ 460 กม.

ทางรถไฟ
จากสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) มีรถเร็ว และรถด่วนไปจังหวัดชุมพรทุกวัน รายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อสอบถามได้ที่ โทร. 223-7010, 223-7020 หรือที่สถานีชุมพร โทร. (077) 511103
จากสถานีรถไฟธนบุรี (บางกอกน้อย) มีขบวนรถดีเซลรางไปจังหวัดชุมพรทุกวัน รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อสอบถามได้ที่ โทร. 411-3102

รถโดยสารประจำทาง
มีรถโดยสารธรรมดาของบริษัท ขนส่ง จำกัด ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ไปชุมพรทุกวัน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สถานีขนส่งสายใต้ ถนนบรมราชชนนี โทร. 434-5557-8, 435-1199 สำหรับเที่ยวกับกลับจากชุมพรเข้ากรุงเทพฯ ขึ้นรถได้ที่ สถานี บ.ข.ส. ชุมพร ถนนท่าตะเภา โทร. (077) 502725, 511094
สำหรับรถโดยสารปรับอากาศ ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
1. บริษัท โชคอนันต์ทัวร์ โทร. 435-5027-9, 435-7429 ที่สถานีชุมพร โทร. (077) 511480, 511757
2. บริษัท สุวรรณนทีทัวร์ โทร. 435-5026 ที่สถานีชุมพร โทร. (077) 511422

เครื่องบิน
สนามบินชุมพรอยู่ที่ อ. ปะทิว อยู่ห่างจาก อ. เมืองชุมพร ประมาณ 40 กม. ขณะนี้มีสายการบินแอร์อันดามันให้บริการอยู่บริษัทเดียว สัปดาห์ละ 3 วัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.20 ชม. โดยมีรถตู้บริจากสนานบิน-เมืองชุมพร